All-New Mercedes-Benz S-Class มากับภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา มีระดับกว่าเดิม ภายใต้แนวคิด Vision accomplished ด้วยความเป็นเลิศแห่งวิศวกรรมยานยนต์สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ระบบการขับขี่แบบอัจฉริยะ (Intelligent Drive) เทคโนโลยีประหยัดพลังงานใหม่ล่าสุด (Efficient Technology) และความหรูหราสง่างามในทุกองค์ประกอบ (Essence of Luxury) มีรูปลักษณ์ที่หรูหราสง่าการันตีได้จากได้การรับรางวัลด้านดีไซน์ระดับโลกจาก Red Dot Award 2013 และ Automotive Brand Contest 2013
รูปร่างหน้าตาได้รับการออกแบบใหม่หมด มากับความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม ฉีกภาพลักษณ์รถคนมีอายุทิ้งหมดจด มิติของตัวรถ มีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่ารุ่นเดิมคือ มีความยาว 5,246 มม. ยาวขึ้น 20 มม กว้าง 1,899 มม. กว้างขึ้น 28 มม. และสูง 1,496 มม.และสูงขึ้น 17 มม. ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้นและเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร โดยพื้นที่ห้องโดยสารด้านหน้าคนขับมีพื้นที่เหนือศีรษะเพิ่มขึ้น 14 มม. พื้นที่ช่วงไหล่ของผู้โดยสารด้านหน้าเพิ่มขึ้น 14 มม. และผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มขึ้น 11 มม. พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังช่วงขาเพิ่มขึ้น 16 มม. ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารตอนหลังมากขึ้นกว่าเดิม
เป็นครั้งแรกของโลกที่ S-Class นำเทคโนโลยีไฟ LED มาติดตั้งรอบรถ โดยทั้งคันมีไฟ LED ติดตั้งเกือบ 500 ดวง โดยไฟหน้าใช้หลอดไฟ LED ข้างละ 56 ดวง ไฟท้าย ใช้หลอดไฟ LED ข้างละ 35 ดวง โดยมีหลอดไฟ LED สำหรับตัดหมอกหลังอีก 4 ดวง ส่วนภายในห้องโดยสารของตัวรถมีใช้มากถึง 300 ดวง โดยสามารถประหยัดพลังงานโดยรวมถึงกว่า 75% เมื่อเทียบกับหลอดไส้แบบธรรมดา นอกจากนั้นยังมีระบบ LED Intelligent Light System สำหรับโคมไฟหน้าซึ่งจะช่วยปรับลำแสงให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพอากาศ
และเป็นครั้งแรกกับระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติแบบ Adaptive Highbeam Assist Plus ที่ระบบจะปรับลดระดับแสงไฟสูงลงอัตโนมัติเมื่อพบว่ามีรถยนต์คันอื่นวิ่งสวน ทางมาหรือเข้าใกล้รถยนต์คันที่วิ่งนำหน้าอยู่ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดไฟสูงไว้ที่ระดับสูงสุดได้ตลอดเวลาโดยที่ไฟสูง จะไม่รบกวนหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ถนน และทางค่ายได้พัฒนาไฟท้ายให้สามารถปรับระดับความสว่างได้ตามสถานการณ์ของการขับขี่และสิ่ง แวดล้อมขณะนั้น โดยไฟเบรกและไฟสัญญาณต่างๆ ด้านท้ายสามารถปรับระดับของความสว่างได้ตามลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อม ทั้งกลางวันและกลางคืน
ภายในของรถมากับความเลิศหรูอลังการกว่าเดิม และอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีมากมาย เน้นการใช้วัสดุคุณภาพสูงและการออกแบบที่เน้นการใช้งานได้จริงเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นลายไม้ที่ได้รับการออกแบบพิเศษ รวมทั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง พร้อมด้วยผ้าหลังคา และแผงบังแดดด้านหน้าหุ้ม ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร ปรับเฉดได้ถึง 7 สี นอกจากนั้นยังติดตั้งพวงมาลัยหุ้มหนังสลับลายไม้ 2 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่น ซึ่งเป็นพวงมาลัยนิรภัยพร้อมพาวเวอร์ที่สามารถปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วรถ
ระบบให้บริการข้อมูลของ The new S-Class จะแสดงผลผ่านหน้าจอดิสเพลย์แบบ TFT ขนาดใหญ่มหึมามีความละเอียดสูงมีขนาด 31.2 ซม. จำนวน 2 จอโดยตัวแรกด้านหน้าคนขับสำหรับ ให้ข้อมูลการวัดค่าต่างๆ บนแผงหน้าปัด เช่น มิเตอร์วัดความเร็ว ความเร็วรอบ ระยะทางและอื่นๆ ส่วนจอด้านซ้ายสำหรับให้ข้อมูลระบบความบันเทิงต่างๆ รวมถึงการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และยังสามารถควบคุมการทำงานได้จากรีโมทคอนโทลและแป้นควบคุมตรงคอนโซลกลางที่ ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามลงตัวทีเดียวครับ
All-New Mercedes-Benz S-Class ได้รับการติดตั้งระบบ active perfuming system มาพร้อมกับ AIR-BALANCE Package เป็นครั้งแรกของโลก โดยระบบจะผลิตกลิ่นหอมและปรับ ระดับความหอมได้ด้วยตัวคุณเอง ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้แนะนำน้ำหอมปรับอากาศคุณภาพสูง เพื่อให้ความสดชื่นและความรื่นรมย์มากขึ้น โดยกลิ่นหอมที่ใช้มีให้เลือก 4 กลิ่น ได้แก่ FREESIDE MOOD, NIGHTLIFE MOOD, DOWNTOWN MOOD และ SPORTS MOOD
ชุดเครื่องเสียงคุณภาพ Burmester® Surround Sound System พร้อมลำโพง 13 ตัว ซึ่งให้ระดับเสียงคมชัดเซอร์ราวซาว์รอบทิศทาง โดยจะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพกับระบบ Frontbass system ซึ่งเป็นระบบที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้และได้นำมาใช้ในรถยนต์ซาลูนเป็นครั้งแรก
ด้านเครื่องยนต์นั้น ในรุ่นที่นำมาเปิดตัวในประเทศไทย คือ Mercedes-Benz S400 Hybrid AMG Premium มากับเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 3,498 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตรที่ 3,500 – 5,250 รอบต่อนาที ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 27 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ในระยะเวลา 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16 กม./ ลิตรเท่านั้น และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ย 147 กรัม/กม. ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะแบบ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
Mercedes-Benz S400 Hybrid AMG Premium มากับราคาค่าตัว 11,400,000 บาท นำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) ล็อตแรก 50 คัน คาดว่าหลังจากนั้นจะมีรุ่นอื่นๆและรุ่นประกอบในประเทศตามมาครับ ซึ่งน่าจะมีราคาถูกกว่านี้ไม่มากก็น้อย
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page
No comments:
Post a Comment